Sequoia Capital บริษัทร่วมทุนหรือ Venture Capital รายใหญ่เผยว่า แม้การลงทุนใน FTX จะเป็นศูนย์ แต่ความเสี่ยงทั้งหมดต่อ FTX นั้นเป็นเพียงส่วนน้อยของพอร์ตโฟลิโอทั้งหมดของบริษัทจึงไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมมากนัก
บริษัทเป็นส่วนหนึ่งของนักลงทุนที่เข้าร่วมในการระดมทุนรอบ 900 ล้านดอลลาร์ของ FTX ในเดือนกรกฎาคม 2021 ซึ่งทำให้การประเมินมูลค่ากระดานแลกเปลี่ยนเป็น 18 พันล้านดอลลาร์ในเวลานั้น
Sequoia การลงทุนที่กลายเป็น 0
ในหมายเหตุถึงหุ้นส่วนจำกัด (LPs) ซึ่งเปิดเผยผ่านทาง Twitter ของ Sequoia ในวันพฤหัสบดี (10 พฤศจิกายน 2022) บริษัทร่วมทุนระบุว่าการลงทุนใน FTX และ FTX.US ซึ่งเป็นกระดานแลกเปลี่ยนในอเมริกา รวม 213.5 ล้านดอลลาร์ มีมูลค่าลดลงเหลือ 0 ดอลลาร์
Sponsoredทางบริษัทลงทุน 150 ล้านดอลลาร์ใน FTX และ FTX.US ผ่าน Global Trust Fund III โดยสังเกตว่าการลงทุนนี้คิดเป็นเพียง 3% ของเงินทุนทั้งหมดในกองทุน บริษัทร่วมทุนสร้างความมั่นใจให้กับ LPs ว่ากองทุนมีฐานะการเงินที่ดี เนื่องจากได้รับผลกำไรจำนวน 7.5 พันล้านดอลลาร์ทางบัญชี (realized profit)
นอกจากนี้ยังมีการลงทุนแยกต่างหากจำนวน 63.5 ล้านดอลลาร์ในทั้ง 2 หน่วยงานผ่านกองทุน SCGE แต่ความเสี่ยงคือ 1% ของพอร์ตโฟลิโอเท่านั้น
“ในขณะที่เราลงทุนใน FTX เราได้ดำเนินกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ในปี 2021 ซึ่งเป็นปีแห่งการลงทุนของเรา FTX สร้างรายได้ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์และรายได้จากการดำเนินงานมากกว่า 250 ล้านดอลลาร์”
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องรอดูว่าผู้สนับสนุน FTX รายอื่นๆ เช่น Softbank และ Pantera Capital Temasek จะดำเนินการอย่างไร
ผลที่ตามมาของการล่มสลายของ FTX
วุฒิสมาชิกสหรัฐ Elizabeth Warren กล่าวถึงเรื่องราวเกี่ยวกับ FTX โดยระบุว่าการล่มสลายเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมนี้เป็น “ควันและกระจก” ทั้งหมด Sen. Warren หนึ่งในนักวิจารณ์ crypto ที่ดุร้ายที่สุดใน Capitol Hill กล่าวว่าเธอจะยังคงผลักดันให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างแข็งขันต่อ SEC เพื่อ “เพื่อปกป้องผู้บริโภคและความมั่นคงทางการเงิน”
Jesse Powell อดีต CEO ของ Kraken ได้ทวีตข้อความเกี่ยวกับ Sam Bankman-Fried CEO ของ FTX ในเรื่องความประมาทและพฤติกรรมทางสังคม
“ความเสียหายมีขนาดใหญ่มาก และมันเป็นของขวัญให้กับผู้เกลียดชัง bitcoin ทั่วโลก มันจะกลายเป็นข้ออ้างที่พวกเขารอคอยเพื่อรอการโจมตีพวกเรา และเราต้องทำงานอย่างยากลำบากเพื่อยกเลิกสิ่งที่จะตามมาอีกเป็นเวลาหลายปี”
อดีตหัวหน้า Kraken ยังตำหนิหน่วยงานกำกับดูแลและฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ที่ไม่ได้จัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยและนโยบายการกำกับดูแลที่เหมาะสมสำหรับบริษัทคริปโตในการดำเนินงาน
